หนังดีที่ต้องโดน Last Night in Soho ฝัน หลอน ที่โซโห

หนึ่ง ในจุดที่จะทำให้การดูหนังของพวกเราทุกคนนั้นมีความน่าตื่นใจ และหวือหวากันมากที่สุดนั่นก็คือการใส่จุดพลิกล็อกที่จะมาทำให้การคาดเดาของเรานั้นไปผิดทาง โดยถ้าจะให้แนะนำจากการที่ได้ลองดูหนังมาแล้วหลายเรื่องหนังเรื่อง Last Night in Soho ฝัน หลอน ที่โซโห นี้นั้นถือได้ว่ามีจุดพลิกล็อกที่ทำให้คน ดูหนังนั้นประหลาดใจกันได้ตลอดเวลา เพราะว่าได้มีการรับเชิญผู้กำกับเอ็ดการ์ ไรท์ที่ชื่นชอบในการเล่าเรื่องที่จะมาหลอกล่อให้คนดูนั้นเดาไปผิดทาง ซึ่งตั้งแต่ที่หนังเรื่องนี้ได้เริ่มทำการโปรโมทขึ้นมาก็ส่งผลให้มีผู้ชมนั้นเริ่มติดตามจากการที่หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจที่ไม่เหมือนใครและคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ก็ออกไปในทางเดียวกันมีแต่คำชื่นชมให้กับหนังเรื่องนี้ตลอด ถึงแม้ว่ากำไรของหนังเรื่องนี้อาจจะไม่มากแต่คุณภาพนั้นไม่ได้วัดกันจากกำไรที่ได้รับแต่ขึ้นอยู่กับความสนุกที่เราได้จากการดูหนังเรื่องนี้กันไปตั้งแต่หนังเรื่องนี้ได้เริ่มขึ้นไปตลอดจนจบเรื่อง

และเรื่องราวสุดหลอนภายใน Last Night in Soho พูดถึงเรื่องราวทางจิตวิทยา ที่มีความระทึกขวัญสุดๆจากหญิงสาวเพียงคนเดียวเธอก็ได้มีชื่อว่า เอลลี่ ตัวของเธอนั้นมีความชื่นชอบและปลาบปลื้มในงานดีไซน์แฟชั่นต่างๆ และเธอนั้นยังคงมีความสามารถที่จะทำการย้อนเข้าไปอยู่ในโลกในช่วงเวลาของปี1960 และเธอนั่นก็ได้ไปพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้มีความฝันว่าในอนาคตอยากที่จะกลายเป็นนักร้องแซนดี้ ที่ในอนาคตนั้นกลายเป็นไอดอลในการทำตามเดินตามหาความฝันของเธอ แต่ทว่าในช่วงปี 60 ของกรุงลอนดอนในขณะนั้น ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับยุคปัจจุบัน ซึ่งความแตกต่างของช่วงเวลาทั้งสองนี้จะทำให้ตัวของเธอนั้น ไปพบกับผลลัพธ์ที่มีความเลวร้ายตามมาอีกและส่งผลทำให้การใช้ชีวิตในช่วงเวลาปัจจุบันของเธอตอนนี้นั้นย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

ด้วยการที่เอ็ดการ์ ไรท์ ได้ใช้มันสมองของเขามาเล่าเรื่องราวต่างๆผ่านหนังเรื่องนี้ที่มีสไตล์และความโดดเด่นในฉบับของตัวเขาเอง ผลงานที่ได้รับมาจึงทำให้ผู้ที่ได้มาดูหนังเรื่องนี้ทุกคนก็ต้องยกนิ้วให้นั่นก็คือนิ้วโป้งกันทั้งสองข้าง เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของหนังเรื่องนี้ตั้งแต่การแสดงองค์ประกอบการตัดต่อก็ทำให้เรานั้นรับรู้ถึงความใส่ใจของผู้กำกับที่ส่งต่อมาให้กับคนที่ได้ดูหนังทุกคน บางทีสำหรับใครที่ได้มาลองดูฝีมือของเขาในครั้งแรกอาจจะตกหลุมรัก และตามดูหนังเรื่องอื่นๆของเขาอีกได้เลย

และการที่หนังเรื่องนี้ได้นำคอนเซปต์แบบนี้มาดำเนินเป็นจุดหลักภายในเรื่อง จึงกลายมาเป็นความจัดจ้านที่ผู้กำกับเรื่องนี้ก็ต้องการที่จะนำเสนอออกมาด้วยเช่นกัน ความลงตัวที่คาดไม่ถึงเหล่านี้ส่งผลให้เอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นมากกว่าใคร และถ้าใครที่ดูหนังเรื่องนี้ไปจนจบเรื่องสิ่งที่จะไม่ชมคงไม่ได้ นั่นก็คือการจัดองค์ประกอบไฟที่ส่งผลทำให้เรื่องราวและภาพต่างๆนั้นดูมีสีสันและสวยงาม

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *